งานภูมิทัศน์หรือการจัดสวน (Landscape) นั้น มีความสำคัญกับการสร้างสรรค์สภาพแวดล้อมและบรรยากาศที่ดีให้แก่อาคารหรือสิ่งก่อสร้างต่างๆ (Built Environment) การออกแบบภูมิทัศน์มักมีการใช้องค์ประกอบร่วมกันหลายอย่าง อาทิ วัสดุพืชพันธุ์ที่หลากหลาย การใช้บ่อน้ำหรือสระน้ำ และอุปกรณ์ตกแต่งจัดสวนต่างๆ เพื่อตอบสนองต่อวัตถุประสงค์ในการใช้งานและสร้างบรรยากาศให้รื่นรมย์ อย่างไรก็ตามหากมีการออกแบบเพื่อตอบสนองต่อการอนุรักษ์พลังงานให้แก่อาคารหรือสภาพแวดล้อมเข้าไปด้วยก็จะได้ประโยชน์มากยิ่งขึ้น การจัดสวนและการใช้วัสดุพืชพันธุ์สามารถช่วยลดแหล่งความร้อนที่มีผลกระทบต่ออาคารที่มาจากแหล่งต่างๆ ได้แก่ 1. แหล่งความร้อนที่เกิดจากภายในอาคาร (Internal Heat Gain) เป็นความร้อนที่เกิดจากตัวผู้ใช้อาคารและอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้าต่างๆ ที่ติดตั้งอยู่ภายในอาคาร 2. แหล่งความร้อนที่เกิดจากภายนอกอาคาร (External Heat Gain) ซึ่งเป็นความร้อนที่เกิดจากอิทธิพลของดวงอาทิตย์ด้วยกระบวนการถ่ายเทความร้อนในรูปแบบต่างๆ อาทิ การนำความร้อน การพาความร้อน และการแผ่รังสีจากดวงอาทิตย์ผ่านตัวกลางและวัตถุต่างๆ ซึ่งการใช้งานออกแบบภูมิทัศน์ (Landscape Design) สามารถช่วยได้เป็นอย่างดี โดยใช้หลักการต่างๆ ให้เหมาะสม ดังตัวอย่างต่อไปนี้ 1.
ขนมประเภทอบ การอบขนมนอกจากจะทำให้สุกแล้ว การอบยังทำให้เกิดกลิ่นหอมน่ารับประทาน ตลอดจนทำให้เกิดสีน้ำตาล น้ำตาลเข้มได้ นอกจากนี้การอบให้แห้งยังเป็นการยืดอายุในการเก็บขนมออกไปได้ ขนมไทยที่ใช้วิธีการอบ เช่น ขนมดอกลำดวน ขนมหน้านวล ขนมบ้าบิ่น ขนมผิงขนมหม้อแกง ขนมไข่ เป็นต้น การทำขนมอบมีข้อควรคำนึงดังนี้ 1. ภาชนะ ภาชนะที่ใช้ในการอบขนมไทยมีตั้งแต่พิมพ์ชนิดต่างๆถาดทรงเตี้ย ถาดมีขอบ ดังนี้ 1. 1 พิมพ์ พิมพ์ที่ใช้ส่วนมากทำมาจากอะลูมิเนียมและอะลูมิเนียมฟอยล์ เช่น พิมพ์รูปเรือของขนมหน้านวล พิมพ์รูปถ้วยของขนมหม้อแกง ถ้วยทอง พิมพ์ถ้วยจีบของขนมไข่ ฯลฯ 1. 2ถาด ถาดที่ใช้ส่วนมากใช้อะลูมิเนียม ไม่นิยมสแตนเลสเพราะจะทำให้มีความร้อนสูงและเก็บความร้อนได้นาน ทำให้ขนมไหม้เร็ว การอบขนมเป็นชิ้นเล็กๆจำนวนมาก นิยมใช้ถาดอบเตี้ยหรือถาไม่มีขอบ เพราะจะทำให้ความร้อนกระจายทั่วถึง สำหรับการอบขนมชิ้นใหญ่ เช่น ขนมบ้าบิ่น ขนมหม้อแกง ใช้ถาดมีขอบ อาจจะสูงประมาณ 1 นิ้ว มีทั้งการใช้ถาดขนาดใหญ่ เมื่ออบเสร็จตัดเป็นชิ้นๆหรือการใช้ถาดขนาดเล็ก เมื่อบแล้วยกเสิร์ฟหรือจัดจำหน่ายได้ทั้งถาด เช่น ขนมหม้อแกง 2. เทคนิคการอบ 2. 1การเตรียมเตา ควรเปิดเตาอบและตั้งอุณหภูมิที่ต้องการก่อนอบขนมประมาณ 20 นาที เพื่อให้เตาอบร้อนและได้อุณหภูมิที่ต้องการ แล้วจึงไปที่ขั้นตอนการเตรียมทำขนมต่อไป 2.
2การเตรียมภาชนะ ภาชนะที่ใช้อบขนมส่วนมากมาจากอะลูมิเนียม จึงควรทาไขมัน เช่น เนยขาวหรือน้ำมันพืช หรือเตรียมรองด้วยกระดาษไข ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับขนมอบ ก่อนถึงขั้นตอนการทำขนมจึงควรเตรียมภาชนะให้เรียบร้อยพร้อมใช้งานทันที 2. 3อุณหภูมิที่ใช้ในการอบ อุณหภูมิในเตาอบจะมีมาตรวัด 2 มาตร คือ องศาฟาเรนไฮต์ และองศาเซลเซียส ผู้ใช้เตาจึงควรศึกษาให้ชัดเจนว่าตำรับให้ใช้มาตรใด เพราะถ้าใช้ผิดจะทำให้ขนมเสียหายได้ เช่น อุณหภูมิ 400 องศาฟาเรนไฮต์ ในการทำขนมไทยทั่วไปจะนิยมใช้อุณหภูมิที่ 350 องศาฟาเรนไฮต์ หรือประมาณ 175 องศาฟาเรนไฮต์
ศ. 2230 จากจดหมายเหตุของนักบวชชาวฝรั่งเศส เขียนรายงานเรื่องการซื้อแป้งสาลีมาทำขนมปังในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ปี พ.
หมายถึง ผิงและอบ ขนมที่ใช้ผิงมีหลายชนิด จะใช้ผิงด้วยไฟบน และไฟล่าง ไฟจะต้องมีลักษณะอ่อนเสมอกันปัจจุบันใช้เตาอบแทนการผิง เช่น ขนมหม้อแกง ขนมสาลี่กรอบ ขนมผิง ฯลฯ
ชอร์ตโด - ส่วนใหญ่จะใช้ประกอบกับขนมชนิดอื่นๆ เช่นรองชั้นล่างเค้ก 2. คุกกี้ - แบ่งได้ 3 กลุ่มใหญ่ๆ - คุกกี้บีบ (Press Cookies) ลักษณะฟูเบา อาศัยการตีขึ้นฟูของเนย และน้ำตาล เช่น คุกกี้เนย, กาแฟ, ใบเตย เป็นต้น - คุกกี้แช่เย็น (Frozen Cookies) ลักษณะกรอบแข็ง นิยมเติมถั่ว, ผลไม้แห้งต่างๆ ผสมด้วย เช่น คุกกี้ถั่ว, คุกกี้ผลไม้, คุกกี้แฟนซี เป็นต้น - คุกกี้หยอด (Drop Cookies) ลักษณะคุกกี้จะแบน, กรอบ, หวาน เช่น คุกกี้เนยแข็ง, คุกกี้อัลมอนด์ 3. พายร่วน / ทาร์ต จะมีทั้งหน้าเปิดและหน้าปิด ปกติพายจะมีชิ้นใหญ่ ส่วนทาร์ต จะมีชิ้นเล็กและไส้หวาน ขนมอบที่มีลักษณะเป็นโพรงภายใน เกิดจากการอบมีแรงดันไอน้ำ มีส่วนผสมของ แป้ง, ไขมัน, น้ำ, ไข่ ที่ทำให้แป้งสุกตัวก่อนอบ มีหลายรูปแบบ และไส้หลายๆ ชนิด เป็นผลิตภัณฑ์กลุ่มสุดท้ายที่ไม่สามารถแยกอยู่ในกลุ่มใดๆ ได้ เช่น คาราเมลคัสตาด, มูส เป็นต้น ข้อมูลจากหนังสือ การบริหาธุรกิจเบเกอรี่ (Bakery Management '94) โดย บริษัท ทรีท็อป เคมีคัลแอนด์ฟูดส์ คอร์ปอเรชั่น จำกัด และบริษัท อุตสาหกรรมแป้งข้าวสาลีไทย จำกัด
มากจากการทำรูปร่างและลักษณะให้เหมือนดอกลำดวน โดยเมื่อผสมแป้งและน้ำตาลให้เข้ากันแล้ว จึงนำมาปั้นให้เป็นลักษณะรูปร่างเหมือนดอกลำดวน ก่อนที่จะนำมาอบให้แป้งมีขาวนวล น่ารับประทาน …………………. ขนมบ้าบิ้น เป็นขนมที่ใช้อบและผิง ซึ่งปัจจุบันมักเห็นทำโดยการนำมาย่างบนเตากระทะแบน ส่วนประกอบของขนมบ้าบิ่นมักมาจาก แป้ง และมะพร้าว ให้เป็นเนื้อเดียวกัน จากนั้นนำมาอบและผิงให้สุกทั้งสองด้าน บางครั้งขนมบ้าบิ่นอาจมีหลายสีได้เนื่องจากการใส่ส่วนของข้าวเหนียวดำ หรือน้ำใบเตย ลงไป ขนมหน้านวล เป็นขนนที่ทำมาจากแป้งสาลี แล้วนำมาอบใส่พิมพืให้สวยงาม ภายในมักเป็นโพรง และมีน้ำเชื่อมอยู่นิดๆมักมีรสหวานจากแป้ง และหอมกรอบนุ่ม ……………………. ที่มา: เมนูนำทาง เรื่อง
ขนมประเภทไข่ หมายถึงเป็นขนมไทยที่มีส่วนประกอบสำคัญคือไข่เป็นขนมที่ได้รับความนิยมกันมากเพราะขนมมีรูปลักษณ์สวยงาม ใช้ฝีมือและความประณีตในการทำเป็นขนมที่ขาดไม่ได้สำหรับงานมงคลต่างๆ เทคนิคที่สำคัญคือการเลือกไข่ ซึ่งเป็นวัตถุดิบหลักในการทำควรเลือกไข่ที่ใหม่เพราะขนมประเภทนี้ใช้ความข้นของไข่ในการคงรูปของขนม และยังคงความอ่อนนุ่ม เช่น ฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด สังขยา