วิธีการกรอกข้อมูล คือ ยอดที่ใช้ กรณีเป็นสินค้าหรือบริการในระบบ VAT, กรณีซื้อสินค้า OTOP ที่มี VAT สามารถใช้ยอดที่รวม VAT มากรอกได้เลย ส่วนหนังสือ และอีบุ๊คเป็นยอดที่ไม่มี VAT ให้ยึดตามยอดในใบเสร็จรับเงินมากรอกเช่นกัน 3. บางครั้งเราซื้อสินค้า และบริการโดยมีทั้งส่วนที่มี VAT และไม่มี VAT (ที่ไม่ใช่หนังสือ) ใช้ได้เฉพาะยอดสินค้าส่วนที่มี VAT เท่านั้น ดังนั้น ดูในเอกสารหลักฐานดี ๆ กันด้วย 4. หลักฐานที่ต้องเก็บ ได้แก่ ใบกำกับภาษี (กรณีเป็นสินค้าบริการหรือ OTOP ที่มี VAT) ใบเสร็จรับเงิน (กรณีหนังสือ หรือ OTOP ที่ไม่มี VAT) *หาก กรมสรรพากร ขอดูสามารถแสกนส่งไปได้เลย 5. ค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าโทรศัพท์ สรุปว่าสามารถ "ใช้ลดหย่อนภาษีได้" ต้องเป็นบริการที่เกิดขึ้น และจ่ายเงินในช่วงเวลาที่กฎหมายกำหนดเท่านั้น เช่น บริการเดือนพฤศจิกายน และจ่ายเงินภายในสิ้นเดือนธันวาคม ถ้าเกิน หรือก่อนระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้ คือ 23 ต. - 31 ธ. 63 จะไม่สามารถใช้ได้ในทุกกรณี
การเงิน 05 ก. พ. 2563 เวลา 16:00 น. 33.
00 น. เป็นวันแรกที่รัฐบาลเปิดเว็บไซต์ เราไม่ทิ้งกัน เพื่อให้ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากโควิด-19 และไม่ได้อยู่ในระบบประกันสังคม สามารถลงทะเบียนรับ เงินชดเชย 5, 000 บาท ซึ่งทางกรมสรรพากรได้แถลงข่าวยืนยันว่าจะ ไม่นำข้อมูลจาก 'เราไม่ทิ้งกัน' มาตรวจสอบภาษี อย่างแน่นอน ด้วยสถานการณ์ที่เริ่มรุนแรงขึ้นในเดือนมีนาคม จึงเป็นช่วงเวลาที่ ครม. มีมติให้กระทรวงการคลัง แถลงมาตรการภาษีที่เกี่ยวข้องกับโควิด-19 อย่างจริงจังหลายมาตรการ ได้แก่ เลื่อนเวลายื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ประจำปีออกไปอีก เป็นครั้งที่ 2 โดยให้ยื่นได้จนถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2563 (จากเดิมที่เคยประกาศขยายให้ถึงวันที่ 30 มิถุนายน 2563 ไปแล้วครั้งหนึ่ง เมื่อเดือนกุมภาพันธ์) ยกเว้นภาษีให้สำหรับค่าตอบแทนจากการเสี่ยงภัยของบุคลากร ทางการแพทย์และสาธารณสุขที่ได้รับตลอดทั้งปี 2563 เพิ่มวงเงินหักลดหย่อนเบี้ยประกันสุขภาพเป็น 25, 000 บาท เลื่อนเวลายื่นภาษีเงินได้นิติบุคคลประจำปี (ภ. ง. ด. 50) ออกไปถึงวันที่ 31 สิงหาคม 2563 และเลื่อนเวลายื่นภาษีเงินได้นิติบุคคลครึ่งปี (ภ.
โดยผู้เสียภาษีสามารถนำข้อมูลค่าลดหย่อนต่างๆ ไปใช้เพื่อยื่นแบบภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาประจำปี (ภ. ง. ด. 90 และ ภ.
กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ( RMF) ลดหย่อนได้ไม่เกิน 500, 000 บาท ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้รวมทั้งปี แต่ต้องไม่เกิน 500, 000 ในแต่ละปีภาษี 3. กองทุน กบข. และ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และ กองทุนสงเคราะห์ครู ลดหย่อนได้ไม่เกิน 500, 000 บาท ลดหย่อนได้ไม่เกิน 15% ของรายได้รวมทั้งปี แต่ต้องไม่เกิน 500, 000 ในแต่ละปีภาษี 4. กองทุนรวมเพื่อการออม ( SSF) ลดหย่อนได้ไม่เกิน 200, 000 บาท ลดหย่อนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้รวมทั้งปี แต่ต้องไม่เกิน 200, 000 ในแต่ละปีภาษี 5. กองทุนรวมเพื่อการออมพิเศษ ( SSFX) ลดหย่อนได้ไม่เกิน 200, 000 บาท 6. กองทุนการออมแห่งชาติลดหย่อนได้ไม่เกิน 13, 200 บาท ลดหย่อนได้ตามที่จ่ายจริงแต่ละปีภาษีและไม่เกิน 13, 200 บาท อย่างไรก็ตามการลงทุนใน กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ ( RMF) กองทุน กบข. และ กองทุนสำรองเลี้ยงชีพ และ กองทุนสงเคราะห์ครู และกองทุนรวมเพื่อการออม ( SSF) และกองทุนการออมแห่งชาติและเบี้ยประกันชีวิตแบบบำนาญ เมื่อรวมกันแล้วตลอดปีภาษีต้องไม่เกิน 500, 000 บาท ค่าลดหย่อนภาษีด้วยเงินบริจาค 1. เงินบริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษา การกีฬา และสถานพยาบาลของรัฐ ลดหย่อนได้ 2 เท่าของจำนวนที่จ่ายจริง สามารถหักค่าใช้จ่ายได้สองเท่าของค่าใช้จ่ายที่ได้จ่ายไปจริงแต่เมื่อรวมกันแล้วต้องไม่เกิน 10% ของรายได้หลังหักค่าใช้จ่ายและค่าลดหย่อน 2.
ลงทุนในกองทุนรวมเพื่อการออม กองทุนรวมเพื่อการออม (SSF) เป็นกองทุนที่สามารถลดหย่อนภาษีได้ ซึ่งจะมาแทนกองทุน LTF โดยกองทุน SSF ใช้ลดหย่อนภาษีได้สูงสุดถึง 30% ของรายได้รวมทั้งปี แต่ไม่เกิน 500, 000 บาท (เมื่อรวมกับกองทุนเพื่อการเกษียณอื่น ๆ) 4. ซื้อบ้านและคอนโด ดอกเบี้ย ในการผ่อนบ้าน-คอนโด ที่เสียทั้งปี สามารถลดหย่อนภาษีได้ตามที่จ่ายจริง สูงสุดถึง 100, 000 บาท ทั้งหมดนี้ เป็นข้อมูลสำหรับ การยื่นเสียภาษี ที่มีหลายคน อาจยื่นไม่ทัน หรือยื่นล่าช้า จะได้รู้ว่า ต้องเตรียมตัว และเตรียมเอกสารอย่างไร รวมถึงเพื่อการวางแผน สำหรับเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ในปีถัด ๆ ไป เพื่อให้สามารถใช้สิทธิลดหย่อนได้อย่างคุ้มค่า อ่านข่าวเพิ่มเติม ยื่นภาษี 2564 โค้งสุดท้าย รวมรายการลดหย่อน ป้องกันเสียสิทธิ 'สรรพากร' ออกมาตรการภาษีจูงใจสนับสนุนวิสาหกิจเพื่อสังคมเข้มแข็ง-ยั่งยืน เปิดรายการลดหย่อนภาษี! เช็คเลยอะไรลดหย่อนภาษี ปี 63 ได้บ้าง